บทความที่ ๑
กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน BOI กับ องค์การระหว่างประเทศที่ไม่ใช่ระดับรํฐบาลNGOs :Non-Governmental Organization
บทนำ : กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน BOI ตามแนวเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
มาทำความรู้จักกับกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน หรือที่เรียกกันว่า BOI เน้นไปที่สิทธิและประโยชน์ทางด้านภาษีอากร
สำหรับการที่ได้ส่งเสริมการลงทุน รัฐได้กำหนดขึ้นสนับสนุนให้มีการลงทุนในกิจการด้านต่างๆ ในประเทศ โดยให้ผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรเพื่อให้การสนับสนุนการลงทุนของรัฐมีประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์มากขึ้น
กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนจะได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคลสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับจากการดำเนินกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน ส่วนการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนเป็นอย่างมาก ก็อย่างการได้รับสิทธิหักรายจ่ายค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า และค่าประปาได้เป็นจำนวน ๒ เท่า ของจำนวนเงินที่เสียไป หรือการได้รับสิทธิวางเงินประกัน หลักประกัน หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันเพื่อเป็นประกันภาษีมูลค่าเพิ่มแทนการชำระภาษีจากการนำเข้าสินค้า
บทสอง :
วิเคราะห์ปัญหากิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน BOI
ปัญหาที่ปรากฏ คือทางปฏิบัติในรายละเอียดของการประกอบกิจการที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไปอาจทำให้ต้องตีความในแนวปฏิบัติที่แตกต่างกัน และปัญหาสำคัญเกี่ยวกับกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ก็คือรอยต่อระหว่างกำหนดเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและช่วงเวลาที่ต้องเริ่มต้นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยให้เน้นที่ผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนได้รับจะมีทั้งในช่วงเวลาที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและช่วงภายหลังจากนั้น
ปัญหาอีกกรณีการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ก็ยังต้องมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นที่ไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุน เมื่อนำเข้าสินค้าก็มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรณีการนำเข้าเหมือนกับบุคคลอื่นที่นำเข้า จะมิได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น เมื่อผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนพ้นกำหนดเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว หน้าที่ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มก็ยังคงเป็นตามปกติ ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือพ้นกำหนดเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนที่ประกอบกิจการอันอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มก็ยังคงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ประเด็นต่อมา คือสิทธิประโยชน์สำหรับได้รับส่งเสริมการลงทุนที่จะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อนำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการวางเงินประกัน หลักประกัน หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันเพื่อเป็นประกันภาษีมูลค่าเพิ่มแทนการชำระภาษีจากการนำเข้า และเมื่อพ้นกำหนดเวลาส่งเสริมการลงทุนแล้วย่อมหมดสิทธิในการวางเงินประกัน หลักประกัน หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันเพื่อเป็นประกันภาษีมูลค่าเพิ่มแทนการชำระภาษีจากการนำเข้า ผู้ได้รับส่งเสริมการลงทุนมีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า และเมื่อได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว หากเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนมีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าไปใช้เป็นภาษีซื้อในเดือนภาษีถัดไป
ตัวอย่าง มาพิจารณาแนวคำวินิจฉัยกรมสรรพากร เลขหนังสือ กค ๐๗๐๖/๑๒๑๐๗ วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ เรื่องภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีรายได้รายจ่ายและการจ่ายเงินไปต่างประเทศ
ข้อหารือ บริษัทประกอบกิจการผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนประเภท ๔.๘ กิจการผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะชนิดชุดสายไฟฟ้าและชุดตกแต่งภายในสำหรับรถยนต์ บริษัทฯ เป็นบริษัทในเครือของ เอ ประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จำหน่ายแก่บริษัท บี ประเทศเยอรมัน เมื่อบริษัทบี ประเทศไทยได้จำหน่ายชิ้นส่วนในราคาที่กำหนดขึ้นตามนนโยบายการบริหารต้นทุนและราคาของบริษัท บี ประเทศเยอรมัน ซึ่งการจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ที่บริษัท บี ของประเทศไทย จะนำมาใช้นี้ เดิมบริษัท ดี เป็นบริษัทในเครือของ เอ ประเทศเยอรมัน เป็นผู้มีหน้าที่จัดจำหน่าย เมื่อบริษัท บี มาประกอบกิจการในประเทศไทย บริษัท ดี ได้ทำสัญญา Frame Agreement เพื่อโอนสิทธิตามสัญญาซื้อขายชิ้นส่วนมาให้บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแทน ตาม Frame Agreement ข้อกำหนดว่าราคาชิ้นส่วนยานยนต์ที่บริษัทฯ จำหน่ายนั้น บริษัทฯ จะต้องได้รับกำไรในอัตราร้อยละ ๔-๖ หากบริษัทฯ ขายชิ้นส่วนได้กำไรในอัตราที่ต่ำกว่าร้อยละ ๔ บริษัทฯ จะได้รับชำระกำไรส่วนที่ขาดจาก ดี โดยบริษัทฯ ถือว่าการส่งกำไรส่วนต่างให้แก่ ดี เป็นการตอบแทนการโอนสิทธิผลิตและขายชิ้นส่วนยานยนต์ บริษัทจึงขอทราบว่า (๑) ผลกำไรร้อยละ ๔-๖ ที่บริษัทฯ ได้รับจาก ดี กรณีที่บริษัทฯ ขายชิ้นส่วนยานยนต์แล้วได้รับกำไรต่ำกว่าร้อยละ ๔ ถือเป็นรายได้ที่ได้รับเนื่องจากกิจการที่ได้รับเนื่องจากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนถูกต้องหรือไม่ (๒) ผลกำไรที่บริษัทฯ จ่ายไปให้แก่ ดี กรณีที่บริษัทฯ ขายชิ้นส่วนยานยนต์แล้วได้รับกำไรสูงกว่าร้อยละ ๖ ถือเป็นรายจ่ายเพื่อการประกอบกิจการในประเทศไทย ถูกต้องหรือไม่ (๓) ผลกำไรตาม (๒) ดังกล่าว ถือเป็นรายได้ประเภทกำไรจากธุรกิจตามข้อ ๗ ของความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทย กับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมันเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และจากทุน เนื่องจาก ดี ไม่มีสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยเงินได้ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการประกอบกิจการในประเทศของ ดี และไม่มีการอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีใดๆ ให้แก่บริษัทฯ
แนววินิจฉัย : (๑) ตามปัญหาข้อ (๑) บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนประเภทการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ชนิดชุดสายไฟฟ้าและชุดตกแต่งภายในสำหรับรถยนต์การที่บริษัทฯ ได้รับโอนสิทธิผลิตและขายชิ้นส่วนยานยนต์จาก ดี เพื่อส่งขายให้แก่บริษัท บี ประเทศไทยมีข้อสัญญาเกี่ยวกับรายได้ที่บริษัทฯ จะได้รับว่าหากบริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ต่ำกว่าร้อยละ ๔ บริษัทฯ จะต้องได้รับชดเชยกำไรในอัตราร้อยละ ๔-๖ จาก ดี แต่หากบริษัทฯ ขายชิ้นส่วนได้กำไรสูงกว่าร้อยละ ๖ บริษัทฯ จะต้องส่งส่วนต่างของกำไรที่ได้รับไปให้แก่ ดี ข้อสัญญาดังกล่าว มีลักษณะเป็นการประกันราคาขายสินค้าที่บริษัทฯ ควรจะได้รับจากการขายสินค้าตามสัญญาโอนสิทธิผลิตและขายชิ้นส่วนยานยนต์ ดังนั้น ส่วนต่างที่รับมาหรือจ่ายไปจึงเป็นรายได้หรือรายจ่ายของกิจการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเงื่อนไขตามบัตรส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ยกเว้นให้บริษัทฯ ไม่ต้องนำรายได้ที่ได้รับจากการขายผลิตภัณฑ์รวมทั้งผลพลอยได้มาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้น หมายถึงรายได้ที่บริษัทฯ ได้รับมาจากการขายผลิตภัณฑ์นั้นๆ แต่มูลค่าของผลกำไรตามที่กำหนดไว้ในข้อสัญญาโอนสิทธิผลิตและขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่บริษัทฯ มีสิทธิที่จะได้รับคืนมาจาก ดี เป็นรายได้ที่อาศัยมูลค่าของรายได้ที่ได้รับมาจากการขายผลิตภัณฑ์นั้นๆ แต่มูลค่าของผลกำไรตามที่กำหนดไว้ในข้อสัญญาโอนสิทธิผลิตและขายชิ้นส่วนยานยนต์ที่บริษัทฯ มีสิทธิที่จะได้รับคืนมาจาก ดี เป็นรายได้ที่อาศัยมูลค่าของรายได้ที่ได้รับมาจากการขายผลิตภัณฑ์ตามบัตรส่งเสริมฯ มาเป็นตัวกำหนดเพื่อให้รู้ว่า บริษัทฯ มีรายได้สูงหรือต่ำกว่าที่ควรจะเป็น จะเห็นได้ว่า มูลค่าของผลกำไรที่บริษัทฯ มีสิทธิจะได้รับคืนมาจาก ดี มิได้เป็นรายได้ที่ได้รับมาจากการขายผลิตภัณฑ์ตามบัตรส่งเสริมฯ ที่แท้จริง จึงไม่ถือว่ามูลค่าของกำไรบริษัทฯ ได้รับมาตามสัญญาโอนสิทธิผลิตและขายชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นรายได้ของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมฯ จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
(๒) ตามปัญหาข้อ (๒) หากเงินกำไรดังกล่าวคำนวณจากรายได้จากการขายชิ้นส่วนยานยนต์หักด้วยต้นทุนสินค้าและคำนวณเป็นระยะๆ โดยไม่ได้คำนวณจ่ายจากผลกำไรที่ได้รับเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี บริษัทฯ สามารถนำเงินที่จ่ายไปในกรณีดังกล่าวไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ไม่ต้องห้าม
(๓) ตามปัญหาข้อ (๓) หากส่วนต่างของผลกำไรที่บริษัทฯ มีหน้าที่ตามสัญญาจะต้องโอนไปให้ ดี ตาม Frame Agreement นั้น มีผลเป็นค่าตอบแทนกู๊ดวิลล์ของ ดี หรือเพื่อการใช้เครื่องหมายการค้า แบบ แผนผังในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ หรือเพื่อการใช้ข้อสนเทศเกี่ยวกับประสบการณ์ทางอุตสาหกรรม พาณิชยกรรม หรือทางวิทยาศาสตร์ ส่วนต่างของผลกำไรที่จ่ายดังกล่าวถือเป็นค่าสิทธิ ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ จ่ายส่วนต่างดังกล่าวออกไปให้ ดี บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในอัตราร้อยละ ๑๕ ตามมาตรา ๗๐ แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับ ข้อ ๑๒ วรรคสอง (ข) แห่งความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหพันธ์สาธารณรัฐเอรมัน เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนฯ
ดังนั้น ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนที่จะประกอบกิจการจะต้องผลดีและผลเสียของส่วนต่างรายรับ หรือ จ่ายไป ทั้งการได้รับหรือไม่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ตลอดถึงการคำนวณกำไรสุทธิ และการเสียภาษีซ้อน เพื่อสิทธิและประโยชน์ทางภาษีอากรแก่กิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน BOI อย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง
องค์การระหว่างประเทศที่ไม่ใช่ระดับรํฐบาลNGOs หรือ Non-Governmental Organization กรณีสิทธิมนุษยชน ในรูปทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
การมี Cooperation with non government organization (NGOs) เกิดขึ้นถือเป็นความเหมาะเจาะของการตั้งสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ให้ความสำคัญกับตัวแทนหลายเชื้อชาติอื่นที่มีความเป็นเอกราช , การตั้งสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอื่น และสหประชาชาติ(UN) ได้กล่าวถึงรายละเอียดหลายๆ ประการของสนธิสัญญาทางด้านร่างกายทั้งหมด ช่วงเหมาะสมที่หัวหน้ารัฐบาลจะดำเนินการปฏิบัติเกี่ยวกับข้อตกลงสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ดูข้อของ National Human Rights Institution (NHRIs) นั่นต่อมาได้เป็นหัวใจการทำความตกลงในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของเนื้อหาปารีส(Paris) ประเทศฝรั่งเศล ได้เน้นหนักไปที่ข้อดังกล่าวนั้นหลายครั้ง (ข้อว่าด้วยกฎข้อบังคับปารีสนั้น ได้กล่าวด้วยเรื่องแบบแผนปฏิบัติการ –ข้อ(จี) บัญญัติไว้ว่า “ในความเห็นเดิมด้านบทบาทการทำงานจาก NGOs กำลังได้เจริญเติบโตขึ้น งานของการจัดการสัญชาติ , เชื่อมสัมพันธไมตรี กล่าวก็คือ NGOs กำลังส่งเสริมและป้องกันสิทธิมนุษยชน , ไปถึงเศรษฐกิจระหว่างประเทศและสังคมที่พัฒนา , ไปถึงด้านกำลังต่อสู้ , ไปถึงโดยเฉพาะกลุ่มบุคคลอ่อนแอที่ต้องปกป้อง(โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก , คนทำงานที่ชอบท่องเที่ยว , ผู้ลี้ภัยทั้งหลาย , โดยกายและใจกับบุคคลที่ถูกกระทำให้รับความพิการ) หรือบริเวณพื้นที่พิเศษอย่างยิ่ง
“การเพิ่มกฎในเรื่องเกี่ยวกับสภาวะของการมอบหมายให้อำนาจตัดสินคดีของศาลมีอำนาจเพียงครึ่งเดียว (sic)”
“ชาติที่จัดตั้งอาจจะมีอำนาจบังคับบัญชา จึงต้องฟังและพิจารณาคำร้องทุกข์และคำร้องในเรื่องเกี่ยวกับปัจเจกบุคคล , นี่เป็นตัวอย่าง , ๓ ส่วน, NGOs , ... ความสำคัญของชาติที่จัดตั้งสิทธิมนุษยชน และนัยความสำคัญเกี่ยวกับการปิด NGOs , ด้านกำลังทำงานในเวทีสิทธิมนุษยชน NGOs จำต้องติดตามกันต่อไป
การค้นหาการศึกษาด้านจรรยาและการนำมาซึ่งการปฏิบัติที่มีความเหมาะสม ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงให้สหประชาชาติ(UN) ให้มีความเป็นสากลขึ้น สิทธิมนุษยชนก็ได้รับการเปิดเผยใน ค.ศ.๑๙๔๘ ในการส่งเสริมให้สิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นอย่างจริงจัง รัฐบาลทั่วโลกก็มีหน้าที่อันสำคัญยิ่งสำหรับสหประชาชาติ ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกต่างต้องรู้สึกถึงความรับผิดชอบของตัวแทนของประเทศตนทั้งหลายในสหประชาชาติ , รวมทุกอย่างไว้ ๒ ทาง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารโลก(World Bank) และกองทุนเกี่ยวกับเงินทองระหว่างประเทศ , อันเป็นกรณีบ่อนทำลายอย่างหนึ่งของบ่อเกิดองค์การระหว่างประเทศอันเป็นความเหมาะสมสำคัญของการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง , การสนับสนุนอย่างจริงจังนั้นอาจนำมาซึ่งการจัดสร้างแผนระดับที่ไม่มีการกระตุ้นผลิตเศรษฐกิจระหว่างประเทศออกมาได้ดี(A human right – based approach to economic development) สิ่งที่ปรากฏออกมาภายหลังคือความสำคัญที่พวกเราทั้งหมดต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
ที่นี้มารู้จักกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม(Internation Covenant on Economic Social and Cultural Rights) หรือเรียก ICESCR เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศในเรื่องของสิทธิต่าง ๆที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ที่ได้ผ่านการรับรองจากสมัชชาสหประชาชาติเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๖๖ ได้รับการให้สัตยาบันและมีผลใช้ในวันที่ ๓ มกราคม ค.ศ. ๑๙๗๖ อย่างไรก็ตามกติการะหว่างประเทศนี้มีผลบังคับใช้เฉพาะกับประเทศที่ได้ให้สัตยาบันแล้วเท่านั้น
ด้านการคุ้มครองสิทธิ ในส่วนที่ ๑ บทบัญญัติในมาตรา ๑ กำหนดให้นานาประเทศให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกันในด้านเศรษฐกิจและวิทยาการเท่าที่ทรัพยากรของตนจะอำนวยให้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาในทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมโดยเสรี
ใน ICESCR จะมีคณะกรรมการสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (Committee on Economic, Social and Cultural Rights) เป็นคณะกรรมการประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยคณะกรรมการฯ มีหน้าที่ อาทิเช่น เป็นผู้ประสานงานในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรัฐภาคี รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะต่อปัญหาการละเมิดสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในภูมิภาค
จากกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ดังกล่าวลองมาวิเคราะห์เปรียบเทียบดูว่าในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ประเทศต่างๆ ได้ให้ความสนใจที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีมากขึ้น มิได้จำกัดขอบเขตอยู่แต่เฉพาะภายในระบบเศรษฐกิจของประเทศตนเท่านั้น หากแต่พยายามศึกษาระบบเศรษฐกิจของประเทศอื่นที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศของตน นอกจากนี้ในโลกยุคปัจจุบันที่มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะทางด้านการค้ามีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ประกอบกับการคมนาคมติดต่อสื่อสารที่สะดวกรวดเร็วทำให้ประเทศต่างๆ มีโอกาสติดต่อทำการค้าระหว่างประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแตกต่างกัน การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศใดประเทศหนึ่งอาจมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อประเทศอื่นๆ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันยิ่งทำให้โลกแคบลง ผลกระทบของการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและการค้ายิ่งรุนแรงมากขึ้น การแข่งขันในโลกปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนจากการแข่งขันทางอาวุธและสงครามมาเป็นการแข่งขันทางการค้า ดังนั้นการศึกษาเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างมากที่ต้องศึกษาถึงความสัมพันธ์ดังกล่าวโดยละเอียด
มารู้จักหลักการสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบเสรี ในระบบแบบเสรีมีหลักการที่สำคัญพอสรุปได้ดังนี้
- การถือสิทธิ์ในทรัพยากร ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม หรือทุนนิยมยอมรับเรื่องกรรมสิทธิ์ คือ ยอมให้หน่วยธุรกิจหรือเอกชนเป็นเจ้าของทรัพย์สินและปัจจัยการผลิตได้ ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์เหล่านี้จึงมีสิทธิเสรีภาพในการจัดกระทำใดๆ กับทรัพย์ของตนก็ได้
- เสรีภาพในการประกอบการ ทั้งปัจเจกบุคคลและกลุ่มบุคคลที่เป็นองค์การหรือหน่วยธุรกิจ ต่างมีเสรีภาพอย่างเต็มเปี่ยมในการประกอบการใดๆ เพื่อจัดดำเนินการกับปัจจัยการผลิตและทรัพย์สินของตนได้อย่างอิสระ ปราศจากการบังคับควบคุมจากสิ่งใดทั้งสิ้น
ดังนั้น นับตั้งแต่ได้มีการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติเป็นต้นมาปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศก็พอได้รับความสนใจจากนานาประเทศ ทั้งในระดับระหว่างประเทศและภายในประเทศ ประกอบกับกระแสของโลกาภิวัตน์ที่เป็นความประสงค์ของประเทศที่พัฒนาแล้วต้องการที่จะเห็นประเทศต่างๆ ปฏิบัติต่อคนชาติของตนอย่างสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่เสมอภาคกันทั่วโลก ปัญหาสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดว่ากระทำเช่นไรละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้เนื่องจากแต่ละสังคมมีเศรษฐกิจ ค่านิยม ประเพณี และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน นอกจากนี้การขาดสภาพบังคับมีผลให้การแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นไปด้วยความยากลำบาก ปัญหาสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศและยังไปถึงความมั่นคงของนานาประเทศ ถือเป็นปัญหาที่มนุษยชาติต้องได้รับการแก้ไขร่วมกัน ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแม้จะได้รับความร่วมมือจากนานาประเทศเป็นอย่างมากก็ตาม แต่ประเทศที่มีพลังทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการเมือง จะมีเป็นประเทศที่มีบทบาทที่สำคัญต่อการแก้ไขปัญหาในระดับนานาประเทศตลอดมานั้นยังปรากฏการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น
สรุป ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มีการนำประเด็นปัญหาการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขึ้นเป็นข้อต่อรองในทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ทางรัฐภาคีและองค์กรเอกชน NGOs ได้ให้ความร่วมมือและมีบทบาทมากขึ้นกับปัญหาการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในที่ต่างๆ ทั่วโลก เป็นไปได้ว่าปัญหาสิทธิมนุษยชนจะได้รับการแก้ไขจนเบาบางลงได้
---------------------------------------------------------------------------------
บรรณานุกรม
หนังสือ
บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ. หลักการใช้อำนาจขององค์กรที่ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์พี.เพรส, ๒๕๔๙.
จรัล ดิษฐาอภิชัย. คู่มือสิทธิมนุษยชน.พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์งานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, ๒๕๔๙.
อุดมศักดิ์ สินธิพงษ์. สิทธิมนุษยชน. พิมพ์ครั้งที่ ๓.กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๕๒.
มงคล ขนาดนิด. ภาระภาษี BOI : กิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน. กรุงเทพมหานคร:สำนักพิมพ์สรรพาสาส์น , ๒๕๕๒.
Books
Brian Burdekin. National Human Rights Institutions in the Asia-Pacific Region. The Netherlands , ๒๐๐๗.
บันทึกนี้เขียนโดย MR. Jeethathorn Jundasorn