ข่าวสารประเทศตลาดใหม่และอื่นๆ

อียิปต์จับมือ Blumberg Grain สร้างเครือข่ายความมั่นคงด้านอาหาร

26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รัฐบาลอียิปต์จับมือ Blumberg Grain สร้างเครือข่ายความมั่นคงด้านอาหารทั่วประเทศ

           - มุ่งปรับโครงสร้างการจัดเก็บข้าวสาลีภายในประเทศอียิปต์ซึ่งเป็นผู้ซื้อข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก

           Blumberg Grain ร่วมมือกับรัฐบาลอียิปต์ พัฒนาระบบความมั่นคงด้านอาหารครบวงจรสำหรับจัดเก็บธัญพืชซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดระบบหนึ่งของโลก

         โครงการความมั่นคงด้านอาหารในเฟสแรกจะดำเนินงานครอบคลุมพื้นที่ 93 แห่งทั่วอียิปต์ โดยในเบื้องต้นจะมีการแปรรูปข้าวสาลี 3.7 ล้านเมตริกตันต่อปี ในพื้นที่จัดเก็บข้าวสาลี 3.6 ล้านตารางฟุต

           อียิปต์เป็นผู้ซื้อข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยการจัดซื้อเป็นหน้าที่ของกระทรวงอุปทานซึ่งได้เลือก Blumberg Grain ให้เป็นผู้ออกแบบและสร้างระบบความมั่นคงด้านอาหารระบบใหม่ให้กับประเทศ

         ระบบดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงอุปทานในการฟื้นฟูความเสียหายของพืชผลทั้งก่อนและหลังเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยให้อียิปต์ประหยัดเงินได้มากถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

           ฟิลิป บลูมเบิร์ก ประธานและซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า “เราขอยกย่องความกล้าหาญของประธานาธิบดีซีซีที่ประกาศใช้มาตรการอันยากลำบากเพื่อรักษาเสถียรภาพนโยบายการคลังของอียิปต์ รวมทั้งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มจีดีพี สร้างเสถียรภาพด้านราคาอาหาร และลดการซื้อข้าวสาลีจากต่างชาติ”

 

          นายพลเจมส์ แอล โจนส์ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังผสมยุโรปขององค์การนาโต้ และอดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า “ความมั่นคงและมั่งคั่งของหลายๆชาติ เช่น อียิปต์ หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับความมั่นคงด้านอาหาร ดังนั้นผมจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นบริษัทชั้นนำจากอเมริกาอย่าง Blumberg Grain สร้างความมั่นคงด้านอาหารให้แก่ประเทศต่างๆทั่วโลก โดยรับหน้าที่สำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้แก่อียิปต์ ขณะเดียวกันก็ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างสหรัฐอเมริกาและอียิปต์ด้วย”

           ฟิลิป บลูมเบิร์ก กล่าวเสริมว่า “จิม โจนส์ เพื่อนของผม และ Jones Group International ให้ความช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ และช่วยผลักดันให้โครงการสำคัญนี้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว”

           เดวิด บลูมเบิร์ก ซีอีโอของ Blumberg Grain ประจำภูมิภาคแอฟริกา แสดงความเห็นว่า “โครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสานต่อนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการผลักดันให้อียิปต์เป็นศูนย์กลางความมั่นคงด้านอาหาร ของภูมิภาคตะวันออกกลาง โครงการนี้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บธัญพืชในยุ้งฉางในปัจจุบัน ให้กลายเป็นเครือข่ายคลังจัดเก็บธัญพืชที่มีความซับซ้อนพร้อมด้วยเทคโนโลยีการคัดกรอง การลดความชื้น และการคัดแยกคุณภาพของ Blumberg Grain รวมทั้งระบบการเข้าถึงและบริหารจัดการสต็อกธัญพืช ซึ่งจะช่วยพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ในอียิปต์ต่อไป”

 

          นอกจากนี้ Blumberg Grain ยังประกาศว่าจะสร้างโรงงานผลิตและศูนย์ส่งออกประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีความมั่นคงด้านอาหารและระบบต่างๆ รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์และอาคารคลังสินค้าสำหรับภูมิภาค และได้รับข้อเสนอจากหลายประเทศรวมทั้งอียิปต์เพื่อขอเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค

           แม้ว่าอียิปต์กำลังเผชิญกับความท้าทายนานัปการ แต่ Blumberg Grain ยังคงมีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ ฟิลิป บลูมเบิร์ก กล่าวว่า “แม้การแข่งขันกันเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตและศูนย์ส่งออกประจำภูมิภาคจะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่โครงการนี้ก็ทำให้อียิปต์อยู่ในสถานะอันเหมาะสมที่จะเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิต รวมทั้งเป็นแหล่งลงทุนของโครงการขนาดใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะลงทุนสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ในโรงงานแปรรูปและบรรจุหีบห่อ ตลอดจนการทำเกษตรแบบเน้นผลผลิตสูง”

           คุณบลูมเบิร์กกล่าวทิ้งท้ายว่า “ก่อนหน้านี้การลงทุนในอียิปต์เป็นเรื่องท้าทายมาก แต่ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีซีซี เราเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในรัฐบาล ตลอดจนความรวดเร็วในการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอียิปต์และสร้างงาน เราปรารถนาที่จะได้เป็นนักลงทุนด้านการผลิตรายใหญ่รายแรกๆในอียิปต์นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนรัฐบาล”

           คริสเตียน แรธ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมประยุกต์ของบริษัท กล่าวว่า “โรงงานผลิตประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ จะเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาโรงงานประเภทเดียวกัน ด้วยความสามารถในการผลิตอาคารคลังอาหาร 1,200 แห่งต่อปี พร้อมด้วยศักยภาพในการผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ความมั่นคงด้านอาหารสำหรับตลาดอียิปต์ และสำหรับการส่งออกระบบจัดเก็บอาหาร “Made in Egypt” ไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง”

           โรงงานผลิตประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือจะสร้างงานใหม่ 1,000 ตำแหน่ง และจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรก และ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเวลา 5 ปีตามที่ KPMG คาดการณ์ไว้ ยิ่งไปกว่านั้น โรงงานแห่งนี้จะช่วยเพิ่มยอดส่งออกและเพิ่มการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นในกระบวนการผลิต

           โรงงานผลิตแห่งนี้ยังมีสถาบันด้านการเกษตรสำหรับฝึกอบรมเทคนิคต่างๆให้แก่เกษตรกรเพื่อเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น ตลอดจนรับประกันคุณภาพและปริมาณผลผลิตให้ดียิ่งขึ้นด้วย

       Cr:http://photos.prnewswire.com/prnh/20141211/163973

       Cr:http://www.bangkokbiznews.com/home/news/pr-center/detail-news.php?id=47016