ข่าวสารกลุ่มประเทศอาเซียน
หอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย เปิดตัวคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เดินหน้าส่งเสริมการค้าการลงทุนฉลอง 65 ปีความสัมพันธ์
3 มีนาคม พ.ศ. 2558หอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย เปิดตัวคณะกรรมการบริหารชุดใหม่
เดินหน้าส่งเสริมการค้าการลงทุนฉลอง 65 ปีความสัมพันธ์
หอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ในอุปถัมภ์ของสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ตอกย้ำสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งและยาวนานครบรอบ 65 ปี เดินหน้าจับคู่ธุรกิจ ส่งเสริมการค้าการลงทุน ชูยุทธศาสตร์ Assist – Access – Act ทลายกำแพงกั้นการค้าระหว่างประเทศ คาดกระตุ้นผลักดันให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2558
เมื่อเร็วๆ นี้ หอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย จัดงานแถลงข่าวเนื่องในวาระครบรอบ 65 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้แถลงนโยบายประจำปี 2558 พร้อมทั้งแนะนำกรรมการบริหารชุดใหม่ของหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย โดยได้รับเกียรติจาก มร.ลุตฟี ราอุฟ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย นายประจวบ ไชยสาส์น ที่ปรึกษาหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย และนางซาราสวาตี แอลลี ซันโตโซ ประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย เป็นผู้แถลง
มร.ลุตฟี ราอุฟ กล่าวว่า “ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอินโดนีเซียได้ดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตมาเป็นเวลายาวนานนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 ไทยและอินโดนีเซียยังเป็นผู้ริเริ่มสำคัญในการรวมกลุ่มในภูมิภาคอย่างการก่อตั้งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ASEAN ในปี พ.ศ. 2510 ปัจจุบันอาเซียนได้กลายเป็นภาคส่วนที่สำคัญของยุทธศาสตร์การพัฒนาโลก การรวมตัวกันทางเศรษฐกิจของอาเซียนในชื่อ ‘ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน’ หรือ เออีซี ในปลายปีนี้ จะเป็นบททดสอบอันสำคัญของความพยายามของภูมิภาคนี้”
“หลายปีที่ผ่านมา สถิติได้แสดงให้เห็นว่าการค้าการลงทุนระหว่างไทย-อินโดนีเซียเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าการลงทุนของอินโดนีเซียในไทยเพิ่มขึ้นจาก 1,500 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 21,700 ล้านบาทในปี 2557 ในขณะที่มูลค่าการลงทุนของไทยในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นจาก 3,500 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 10,400 ล้านบาทในปี 2557 ทั้งนี้ ในปัจจุบันอินโดนีเซียให้ความสำคัญต่อการลงทุนจากต่างชาติใน 4 ภาคธุรกิจ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจทางทะเล อุตสาหกรรมการผลิต และการท่องเที่ยว” เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียเปิดเผยและเสริมว่า
“ผมมีความรู้สึกยินดียิ่งที่หอการค้าฯ เล็งเห็นความสำคัญของความสัมพันธ์และประโยชน์ที่ทั้งสองประเทศจะได้รับในเรื่องการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และด้านวัฒนธรรม กิจกรรมของหอการค้าฯ จะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียยิ่งๆ ขึ้นไป และนำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ร่วมที่เราจะได้รับร่วมกัน ความสัมพันธ์ที่ว่านี้ไม่ใช่เพียงความสัมพันธ์แบบรัฐต่อรัฐ หรือ G to G แต่หมายรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจ หรือ B to B และความสัมพันธ์ระดับประชาชน หรือ P to P ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสร้างโอกาสในการเข้าสู่เออีซี”
นายประจวบ ไชยสาส์น เปิดเผยว่า “หอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ได้ดำเนินยุทธศาสตร์ Assist – Access – Act เพื่อทลายกำแพงกั้นทางการค้าระหว่างประเทศอินโดนีเซียและประเทศไทย โดยให้การสนับสนุนด้านข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดในด้านการลงทุน ระเบียบ กฎหมาย และวิธีปฏิบัติ และเพื่อเป็นตัวกลางระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในปัจจุบันหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย มีความพร้อมที่จะนำเสนอกิจกรรมให้กับพันธมิตรและสมาชิกเพื่อเป็นตัวกลางนำไปสู่โอกาสใน ค.ศ. 2015 ปีแห่งการลงทุนอินโดนีเซีย หรือ ‘2015 Go Invest Indonesia’ ”
ประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย นางซาราสวาตี แอลลี ซันโตโซ กล่าวว่า “กิจกรรมสำคัญที่จะจัดขึ้นจัดโดยหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ในปี 2558 ประกอบด้วย การสัมมนาธุรกิจกับหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ในเดือนมีนาคม การจับคู่ธุรกิจของหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย โดยจะพานักลงทุนไทยไปเยี่ยมเยือนส่วนราชการและธุรกิจสำคัญของอินโดนีเซียในเดือนเมษายน การแข่งขันกอล์ฟกระชับมิตรอินโดนีเซีย-ไทย ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน นิทรรศการธุรกิจ ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3-4 ของปี และ AEC New Gen Campในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2558”
หอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2556 และดำเนินตามเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างไทย-อินโดนีเซีย พร้อมทั้งสร้างโอกาสในการดำเนินการจับคู่ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ จะเป็นการดำเนินงานโดยคณะกรรมการชุดใหม่ โดยการนำของประธาน นางซาราสวาตี แอลลี ซันโตโซ นายเฟอร์รี่ คาโยโน่ รองประธาน และ ดร. สุกิต เอื้อมหเจริญ เลขาธิการ
“อินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีประชากรราว 250 ล้านคนหรือเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดอาเซียน ประชาชนที่มีฐานะดีและมีกำลังซื้อสูงมีถึงประมาณร้อยละ 10-15 ของประชากรทั้งหมด อินโดนีเซียยังเป็นประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับสูง จึงมีความต้องการสินค้า โดยเฉพาะสินค้าทุนและสินค้าอุปโภคบริโภค โดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดอินโดนีเซีย ได้แก่ ข้าว น้ำตาล ผลไม้ไทย รวมทั้งสินค้าอาหารอื่นๆทุกประเภท ในส่วนของธุรกิจบริการของไทยที่นับว่ามีศักยภาพและมีโอกาสในตลาดอินโดนีเซียได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว เราอยากเชิญชวนนักธุรกิจชาวไทยไปลงทุนในอินโดนีเซีย” ดร.สุกิต กล่าวเสริม
ปีแห่งการลงทุนอินโดนีเซีย ภายใต้คอนเซปต์ “2015 Go Invest Indonesia” จะเป็นประตูเพื่อเปิดสู่โอกาสในการลงทุน โดยมีหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย เป็นหัวหอกสำคัญ ตลอดจนเป็นสื่อกลางให้กับนักลงทุน โดยดำเนินงานเพื่อให้ธุรกรรมต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย ทั้งในด้านการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทโรงผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรมเกษตร สาธารณสุข ลอจิสติกส์ และธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการค้าและการบริการ เช่น ธุรกิจประเภทอาหารแปรรูป การส่งต่อเทคโนโลยี และการขยายสาขากิจการ ในด้านการกีฬาและค่ายนักธุรกิจ
และด้านการท่องเที่ยวทั้งเชิงวัฒนธรรมและเชิงประวัติศาสตร์
ที่มา : http://www.ryt9.com/s/prg/2105564
(ลงข่าวโดย กลต./สมภพ/Wantana)
-
อุปสรรคที่หนักที่สุด ของการลงทุนในลาวคืออะไร?
12 มีนาคม พ.ศ. 2558