ข่าวสารกลุ่มประเทศอาเซียน

ไทยเสนออินโด-มาเลย์เร่งพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย

27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มาเลเซีย 257 เม.ย.-นายกรัฐมนตรี เสนอ “อินโดนีเซีย-มาเลเซีย” เร่งขับเคลื่อนแผน 5 ปี พัฒนาด้านต่าง ๆ ตามกรอบความร่วมมือเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย ทั้งด้านการค้า การลงทุน คมนาคม ประมง

ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกรอบความร่วมมือการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ 9 ที่ลังกาวี รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซียของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ว่า เป็นการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของแผนงานในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และเพี่อให้แนวทางและเร่งรัดการทำงานเพื่อพัฒนาทั้ง 3 ประเทศ

“ปัจจุบันการขับเคลื่อนแผนงาน อยู่ภายใต้แผน 5 ปีระยะที่ 2 ระหว่างปี 2555–2559   ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า การดำเนินงานในระยะต่อไปควรต้องให้ความสำคัญใน 7 เรื่องให้เป็นรูปธรรม และควรกำหนดเป็นโรดแมป พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จให้ชัดเจน ประกอบด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมกัน เพื่อสร้างความเจริญเติบโตให้กับเมืองในภูมิภาคสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งไทยได้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนนำร่องแล้วใน 5 พื้นที่เป้าหมายรอบประเทศ และได้กล่าวเชิญชวนนักลงทุนชาวมาเลเซียและอินโดนีเซียมาลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวมทั้งด่านศุลกากรและการอำนวยความสะดวกบริเวณชายแดน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรีได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าการก่อสร้างเพื่อขยายด่านสะเดาในพื้นที่เดิมจะแล้วเสร็จในปี 2559   ซึ่งจะรองรับปริมาณการขนส่งต่อไปได้อีก 5 ปี และรัฐบาลได้จัดหาที่ดินเพื่อขยายด่านสะเดาแห่งใหม่ได้แล้ว 595 ไร่  เพื่อเตรียมรองรับปริมาณการขนส่งที่จะเพิ่มขึ้นต่อไปอีก 20 ปีข้างหน้า และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปี 2559  โดยขอให้เจ้าหน้าที่ไทยและมาเลเซียเร่งรัดการวางแผนร่วมกันเรื่องจุดผ่านด่านและถนนเชื่อมโยงสำหรับด่านสะเดาแห่งใหม่และด่านบูกิตกายูฮิตัมในฝั่งมาเลเซียโดยเร็ว เรื่องการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่ง  รัฐบาลยืนยันขับเคลื่อนโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหาดใหญ่-สะเดา  โครงการพัฒนาท่าเรือนาเกลือ จังหวัดตรัง  โครงการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา

“นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปลายปีนี้ที่จะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ทั้ง 3 ประเทศควรเร่งรัดแก้ไขกฎระเบียบข้ามแดน โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าข้ามแดน การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนร่วมกัน  รวมทั้งปัญหาราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ  3 ประเทศควรจะร่วมมือให้มากขึ้นในการสร้างตลาดยางพาราร่วมกัน และพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมันให้ทัดเทียมกัน ส่วนการพัฒนาด้านการประมง ควรกระชับความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น พร้อมเชิญอินโดนีเซียและมาเลเชีย เข้าร่วมการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับการประมง ที่จังหวัดสงขลาในเดือนพฤษภาคมนี้   ส่วนเรื่องผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล  เห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการตรวจและการรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาลร่วมกัน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.- สำนักข่าวไทย

CR:http://www.tnamcot.com/content/172627