เวียดนามเล็งเพิ่มมูลค่ากาแฟส่งออก เสริมคุณภาพทำกำไรสูง
26 สิงหาคม พ.ศ. 2557
|
|
ภาพแฟ้มรอยเตอร์เดือนพ.ย. 2555 เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟเก็บผลกาแฟสุกจากต้นภายในไร่กาแฟ ที่จ.เซินลา ทางตะวันตกของกรุงฮานอย เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ของโลก ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาพื้นที่ปลูกกาแฟและผลผลิตกาแฟของประเทศเพิ่มสูงขึ้นหลายสิบเท่า แต่กาแฟที่ประเทศส่งออกส่วนใหญ่ยังไม่ผ่านการแปรรูปทำให้ทำกำไรได้น้อย.--Reuters/Kham. |
|
|
ซินหวา - เวียดนาม หนึ่งในประเทศผู้ส่งออกกาแฟรายใหญ่ของโลก กำลังพยายามที่จะเพิ่มมูลค่ากาแฟส่งออก เนื่องจากกาแฟส่งออกส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่แปรรูปจึงทำกำไรได้น้อย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ปลูก และผลผลิตกาแฟในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2555 ผลผลิตกาแฟของประเทศอยู่ที่ 1.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2533 มากถึง 14 เท่า ขณะที่รายได้จากการส่งออกพุ่งถึง 2,700 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าปี 2533 ถึง 29 เท่า ในเดือน เม.ย.2557 สมาคมกาแฟ-โกโก้เวียดนาม (VICOFA) คาดการณ์ว่า ปีนี้เวียดนามจะขายกาแฟในตลาดโลกได้ 1.5 ล้านตัน ทำรายได้ราว 3,000 ล้านดอลลาร์ รายงานการประเมินศักยภาพที่จัดทำขึ้นโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เมื่อปลายเดือน ก.ค. เผยว่า กาแฟเวียดนาม สามารถแข่งขันได้มากเนื่องจากความเหมาะสมของสภาพแวดล้อน และสภาพภูมิอากาศ ต้นทุนการผลิตต่ำ และให้ผลผลิตสูง แต่อย่างไรก็ตาม คุณภาพกาแฟของเวียดนามยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากกระบวนการแปรรูปไม่ดี เครื่องอบแห้ง และเทคโนโลยีเก็บเกี่ยวยังล้าสมัย นอกจากนั้น ยี่ห้อสินค้ากาแฟเวียดนามยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ขณะที่ผู้ส่งออกของประเทศก็ยังขาดทักษะการตลาด จากข้อด้อยเหล่านี้ ทำให้กาแฟเวียดนามมักขายในราคาต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดโลก รายงานอ้างคำกล่าวของ นายเหวียน จอง เถือะ อธิบดีกรมแปรรูปเกษตรป่าไม้และอุตสาหกรรมเกลือ ภายใต้กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ที่ระบุว่า มีแค่ 5% ของปริมาณการส่งออกกาแฟเวียดนามทั้งหมด ที่เป็นกาแฟที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เนื่องจากกระบวนการแปรรูป และระบบเก็บรักษายังไม่มีประสิทธิภาพ “จุดอ่อนของภาคส่วนกาแฟคือ ขาดการเชื่อมต่อระหว่างการผลิต กระบวนการแปรรูป การเก็บรักษา และการติดต่อกันระหว่างเกษตรกร และเจ้าของกิจการ” เหวียน จอง เถือะ กล่าว
|
|
ภาพแฟ้มรอยเตอร์เดือนพ.ย. 2555 เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟรวบรวมผลกาแฟสุกที่นำมาตากแดดไว้เป็นกองสูงรอผู้รับซื้อไปผลิตในขั้นต่อไป.--Reuters/Kham. |
|
|
เมื่อไม่นานนี้ กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท มอบหมายให้กรมที่รับผิดชอบร่างแผนเกี่ยวกับการแปรรูปกาแฟ และระบบเก็บรักษากาแฟ จนถึงปี 2563 และวางแนวทางไปจนถึงปี 2573 หากกาแฟเวียดนามผ่านกระบวนการแปรรูปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตรงตามเกณฑ์คุณภาพระดับสูง และมีกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม จะทำให้ภาคส่วนนี้มีศักยภาพในการส่งออกมากยิ่งขึ้น ร่างดังกล่าวจะออกมาตรการทีละขั้นตอนในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกของกาแฟเวียดนาม พร้อมด้วยการสร้างพื้นที่ผลิตกาแฟคุณภาพสูง ขณะที่บริษัทส่งออกควรประสานงานกับท้องถิ่นเพื่อหาพื้นที่ผลิตกาแฟ และทำข้อตกลงซื้อสินค้า พร้อมทั้งดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้า และขยายตลาดให้มากขึ้น รายงานยังระบุว่า ร่างแผนเกี่ยวกับกาแฟนี้ยังตั้งเป้าว่าภายในปี 2563 รายได้จากการส่งออกกาแฟเวียดนามจะสูงถึง 3,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี และกาแฟที่ผ่านกระบวนการแปรรูปจะมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยของอาหารในระดับประเทศ และระดับโลก นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าอัตราการส่งออกกาแฟที่ผ่านกระบวนการแปรรูปไว้ 40% ในปี 2558 และเพิ่มเป็น 70% ในปี 2563 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนแค่ 5% ของปริมาณการส่งออกกาแฟทั้งหมดเท่านั้น สถิติของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ระบุว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2557 เวียดนามส่งออกกาแฟไปแล้ว 1.12 ล้านตัน ทำรายได้ 2,310 ล้านดอลลาร์ ปริมาณเพิ่มขึ้น 26.9% และมูลค่าเพิ่มขึ้น 21.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยของกาแฟเวียดนามในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ที่ 2,043 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลง 4.84% เมื่อเทียบต่อปี เยอรมนี และสหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำเข้ากาแฟเวียดนามรายใหญ่ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 14.02% และ 10.1% ตามลำดับ ระหว่างช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้. |
|
หมวดของข่าว : ลงทุนต่างประเทศ , ลงทุนอาเซียน , ข้อมูลการลงทุน