ข่าวสารกลุ่มประเทศอาเซียน

โอกาสทอง "ความงาม-สุขภาพ" เมียนมาร์-กัมพูชา "กำลังซื้อ" ทะลัก

29 กันยายน พ.ศ. 2557

รอไม่นานกับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผู้ประกอบการไทยรายใหญ่ทุนหนาได้เริ่มไปลงทุนสร้างฐานธุรกิจของตนในต่างประเทศล่วงหน้าแล้ว แต่ยังมีผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนไม่น้อยที่รอดูท่าทีอยู่

ล่าสุด สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลวิจัยเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนด้าน "สุขภาพและท่องเที่ยว" ในเมียนมาร์และกัมพูชา โดยการศึกษากลุ่มตัวอย่างประเทศละ 600 คน แบ่งเป็นคนทั่วไป 400 คน และนักท่องเที่ยว 200 คน


ไฮโซแห่บินเข้า ร.พ.ไทย
 

ผลการวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า ทั้งเมียนมาร์และกัมพูชามีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานระดับสากล ด้วยแพทย์จำนวนไม่น้อยที่จบการศึกษาจากต่างประเทศ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรในประเทศ รวมถึงยังขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยและการเดินทางที่ไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้คนส่วนใหญ่ในทั้ง 2 ประเทศจึงยังนิยมซื้อยากินเองมากกว่าที่จะไปพบแพทย์ตามโรงพยาบาล 

อย่างไรก็ตาม สำหรับชาวเมียนมาร์และกัมพูชาที่มีรายได้ระดับปานกลางถึงสูงนั้นจะเลือกบินไปใช้บริการทางการแพทย์ในต่างประเทศมากกว่าโดยกลุ่มตัวอย่างจากเมียนมาร์มีความตระหนักด้านสุขภาพอย่างมาก

แน่นอนว่าตัวเลือกสำหรับกลุ่มคนดังกล่าวย่อมหนีไม่พ้นประเทศไทยและสิงคโปร์ด้วยระยะทางที่ใกล้และค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงนักโดยผลวิจัยระบุว่า ผู้ป่วยชาวเมียนมาร์จ่ายเงินประมาณ 1.5-2 แสนบาทต่อครั้ง ในการตรวจสุขภาพในต่างประเทศ

ด้านชาวกัมพูชานั้นผู้มีรายได้ระดับกลางจะเดินทางไปยังเวียดนาม ส่วนกลุ่มรายได้สูงจะเดินทางไปยังไทยและสิงคโปร์ ทั้งนี้พบว่าในกรุงพนมเปญมีสำนักงานตัวแทนของโรงพยาบาลชั้นนำจากต่างประเทศมาเปิดบริการจำนวนมาก


50% นิยมแพทย์ทางเลือก
 

แต่สำหรับกลุ่มที่ใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศของตนนั้น ชาวเมียนมาร์จะนิยมซื้อยาจากร้านขายยามากินเองมากกว่าจะไปโรงพยาบาล โดยยาที่นำเข้าจากไทยได้รับความนิยมสูงทั้งในด้านคุณภาพและราคาที่ไม่แพง โดย 1 ใน 4 ของกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ไปร้านขายยา 1-2 ครั้งต่อเดือน ส่วนชาวกัมพูชาเองก็นิยมซื้อยากินเองเช่นกัน มากกว่าครึ่งของกลุ่มตัวอย่างซื้อยากินเอง แต่จะนิยมยานำเข้าจากฝรั่งเศสมากกว่า

แพทย์ทางเลือกเองก็เป็นที่นิยมในทั้ง 2 ประเทศเช่นกัน โดย 50% ของกลุ่มตัวอย่างชาวเมียนมาร์ยอมรับว่า ยังคงเชื่อถือการรักษาโดยแพทย์ทางเลือก เช่น ยาสมุนไพร นวดแผนโบราณ และแมโครไบโอติก ด้านชาวกัมพูชาในพื้นที่ชนบทจะใช้บริการหมอพื้นบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีหลักสูตรอบรมที่รับรองโดยรัฐบาลกัมพูชา


เทรนด์เสริมความงามมาแรง 

นอกจากสุขภาพแล้ว ผู้บริโภคทั้ง 2 ประเทศยังให้ความสำคัญกับความสวยงามด้วยเช่นกัน โดย 25% ของกลุ่มตัวอย่างชาวเมียนมาร์และ 40% ของกลุ่มตัวอย่างชาวกัมพูชาเห็นตรงกันว่า การไปพบแพทย์ด้านผิวหนังมีความสำคัญ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศต่างได้รับค่านิยมความงามผ่านสื่อเกาหลี 

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างชาวเมียนมาร์แสดงความเห็นว่า การรักษาสิวและการจัดฟันเป็นบริการที่ต้องการทำในอนาคต ด้านชาวกัมพูชาให้ความสำคัญกับการมีผิวสวยและดูอ่อนกว่าวัยเป็นหลัก ส่วนศัลยกรรมพลาสติกทั้ง 2 กลุ่มเห็นตรงกันว่ายังคงแพงเกินไป รวมถึงคนทั่วไปยังรู้สึกกังวลถึงผลข้างเคียงอีกด้วย

ไม่เพียงด้านความงาม การออกกำลังกายยังเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะชาวกัมพูชามากกว่า 60% นิยมออกกำลังกายเป็นกลุ่มในสวนสาธารณะ โดยเฉพาะช่วงอายุทตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ขณะที่กลุ่มตัวอย่างชาวเมียนมาร์ 8% เป็นสมาชิกสปอร์ตคลับ ด้านอาหารเสริมนั้นชาวเมียนมาร์ดูจะนิยมมากกว่า มีถึง 27% กินอาหารเสริมเป็นประจำ แต่กลุ่มตัวอย่างชาวกัมพูชาส่วนใหญ่จะเป็นครั้งคราว


อิมเมจดีเสริมฐานะ 

นอกจากผลประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว กลุ่มตัวอย่างจากทั้ง 2 ประเทศยังยอมรับว่า กิจกรรมทางสุขภาพนั้นเกี่ยวข้องกับสถานะทางสังคมอีกด้วย โดยชาวเมียนมาร์จะมองว่าการไปใช้บริการด้านสุขภาพในต่างประเทศเป็นโอกาสพักผ่อนท่องเที่ยวและช็อปปิ้งไปในตัวซึ่งบ่งบอกสถานะทางสัมคมและความร่ำรวยไปพร้อมกันส่วนคนกัมพูชามองว่า การมีหุ่นและรูปลักษณ์ที่ดีสามารถสะท้อนสถานะทางการเงินได้ด้วย จึงพอสรุปได้ว่า ชาวเมียนมาร์ยอมทุ่มเงินตรวจสุขภาพเพื่อบริการที่ดีกว่า ส่วนชาวกัมพูชาทุ่มไปที่ความสวยความงาม 

โดยสรุปแล้ว ผู้บริโภคชาวเมียนมาร์ให้ความสนใจในบริการด้านผิวพรรณและความงามอย่างมาก ซึ่งกลุ่มที่มีรายได้กลางถึงสูงพร้อมจ่ายเงินเพื่อบริการทางสุขภาพที่ดีขึ้น ส่วนชาวกัมพูชาเองเช่นเดียวกันที่ผู้มีรายได้สูงจะเดินทางไปรับบริการสุขภาพในต่างประเทศ และให้ความสำคัญกับความงามรวมถึงใส่ใจด้านการออกกำลังกายด้วย

ผลสำรวจดังกล่าวเป็นตัวสะท้อนการจับจ่ายและการเลือกซื้อของกลุ่มผู้บริโภค"เมียนมาร์และกัมพูชา"ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ทุก "ธุรกิจ" ล้วนต่างต้องการไปปักธงก่อนใคร

 

 

หมวดของข่าว : ลงทุนต่างประเทศ , ลงทุนอาเซียน , ข้อมูลการลงทุน