ข่าวสารกลุ่มประเทศอาเซียน
สิงคโปร์ , นิวซีแลนด์ และฮ่องกง รั้ง 3 อันดับแรกของประเทศ-ดินแดนที่น่าลงทุนทำธุรกิจมากที่สุด จากการจัดอันดับของธนาคารโลก ขณะที่ 'ไทย' อยู่ในอันดับที่ 26
13 พฤศจิกายน พ.ศ. 255729 ต.ค. 57 ธนาคารโลก ออกรายงานประจำปี "ดูอิ้ง บิสสิเนสส์" ที่เผยแพร่ในวันนี้ จัดอันดับให้ สิงคโปร์ , นิวซีแลนด์ และฮ่องกง ซึ่งมีพื้นที่ขนาดเล็ก แต่มีการบริหารจัดการดี เป็นประเทศที่น่าเข้าไปลงทุนทำธุรกิจมากที่สุด ส่วนยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง จีน , บราซิล และอินเดีย อยู่ในอันดับรองลงมา ขณะที่ไทยอยู่ในอันดับที่ 26
รายงานของธนาคารโลก ที่มุ่งให้ความสนใจต่อประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจมากที่สุด และนโยบายของรัฐเป็นอุปสรรคน้อยที่สุด ระบุว่า ดินแดนขนาดเล็กแต่ร้อนแรงในภูมิภาคแปซิฟิก ทั้ง 3 แห่งนี้ ทำคะแนนสูงสุดใน 3 อันดับทอปเทน โดย สิงคโปร์ ได้ 88.27 คะแนน , นิวซีแลนด์ ได้ 86.91 คะแนน , ฮ่องกง ได้ 84.97 คะแนน ตามด้วย เดนมาร์ก , เกาหลีใต้ , นอร์เวย์ , สหรัฐ , อังกฤษ , ฟินแลนด์ และออสเตรเลีย ส่วนใหญ่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และต่างก็มีชื่อติดอันดับเมื่อปีก่อนๆ
นอกจากนี้ ยังพบว่า ประเทศที่ติด 30 อันดับแรก ล้วนทำคะแนนได้เกิน 74 คะแนน ขณะที่ 5 ประเทศที่รั้งท้ายตาราง ได้แก่ ช้าด , ซูดานใต้ , สาธารณรัฐแอฟริกากลาง , ลิเบีย และ เอริเทรีย ได้ไม่ถึง 40 คะแนน
รายงานประจำปีนี้ ที่แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการในการวิจัยใหม่ หลังจากสร้างความไม่พอใจให้กับจีนมาหลายปี ก็ยังคงจัดอันดับให้ตลาดเกิดใหม่ขยาดยักษ์แห่งนี้ ไปอยู่ตรงท้ายของตาราง แม้ว่า จะมีการเติบโตที่รวดเร็ว และสามารถดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี แต่จีนก็ยังอยู่ในอันดับที่ 90 จากจำนวนประเทศ และดินแดนรวม 189 แห่ง โดยขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 93 เมื่อปีที่แล้ว ส่วน บราซิล ขยับขึ้นมา 3 อันดับ อยู่อันดับที่ 120 และอินเดีย ตกไป 2 อันดับ อยู่อันดับที่่ 142
ทั้ง 3 ประเทศ ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ต่ำกว่าประเทศที่กำลังเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อมที่สร้างความยุ่งยากให้กับการลงทุนอย่าง รัสเซีย ที่อยู่อันดับ 62 และ
กรีซ อันดับ 61
นายเคาชิก บาซู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลก ยอมรับว่า "ดูอิ้ง บิสสิเนสส์" วัดได้เฉพาะบางส่วนของระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ซับซ้อนเท่านั้น ประเทศที่ทำคะแนนได้ไม่ดีตามเกณฑ์ชี้วัดของ ดูอิ้ง บิสสิเนสส์ อาจทำได้ดีในด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาค หรือด้านสวัสดิการสังคมก็เป็นได้
การให้คะแนนของรายงานฉบับนี้ ได้เน้นเรื่องบรรยากาศในการทำธุรกิจ ที่รวมถึงความยากง่ายในการเปิดบริษัท , การถ่ายโอนทรัพย์สิน และการแก้ไขข้อพิพาทการค้า , ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายในการเคลียร์สินค้านำเข้าและส่งออกที่ท่าเรือ , ความยากง่ายในการขอต่อกระแสไฟฟ้า และประเด็นอื่นๆ ที่เจ้าของธุรกิจจะต้องเผชิญเมื่อเข้าไปลงทุนในประเทศต่างๆ
ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างประเทศที่ได้คะแนนสูงที่สุดกับต่ำที่สุด ได้ตอกย้ำว่า เหตุใด สิงคโปร์ ถึงได้รับการยกย่อง และประสบความสำเร็จ ซึ่งพบว่าลงทุนในสิงคโปร์ ใช้เวลาเพียงแค่ 2.5 วัน ในการเปิดบริษัท , ใช้เวลา 31 วัน ในการขอใช้ไฟฟ้า และใช้เวลา 4 วัน กับเงินอีก 440 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 14,000 บาท เพื่อขอนำเข้าสินค้า 1 ตู้คอนเทนเนอร์ แต่ถ้าเป็นที่ เอริเทีย นักธุรกิจคนเดียวกัน จะต้องใช้เวลาเฉลี่ย 84 วัน ในการเปิดบริษัท และอีก 59 วัน เพื่อขอใช้ไฟฟ้า ขณะที่การนำเข้าสินค้า 1 ตู้คอนเทนเนอร์ จะต้องใช้เวลา 59 วัน และค่าใช้จ่าย 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 65,000 บาท
(หมายเหตุ : ภาพประกอบข่าว : BLOOMBERG)
-bloomberg.com
Cr:-http://4.bp.blogspot.com/-NFbJ4Bt-IQw/UQUsgEGSVNI/AAAAAAAABuY/6rbDRkLUJ68/s1600/The-Singapore-Merlion.jpg
-
Sime Darby กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมการเกษตรของมาเลเซีย
13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 -
สิงคโปร์ชนะประมูลสร้างสนามบินหันตาวดี $1,400 ล้านในพม่า
13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 -
Japanese Investors shift Investment to Indonesia
14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 -
Myanmar ranks 177th, near bottom of Doing Business report
17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557