“ประยุทธ์” ประทับใจเยือนลาว เพื่อติดตามความเชื่อมโยงระหว่างกัน แย้มเปิดเขต ศก.ด้านมุกดาหาร แนะใช้Smart Card ผ่านแดนง่ายขึ้น ชี้ดันชาติเพื่อนบ้าน เข้มแข็ง-อาเซียนเข้มแข็ง แจงลาวแนวคิดสอดคล้องไทย ไม่ขัดแย้งใคร คุยนักธุรกิจไทยในลาว ยก เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อน ศก.ไทยกับเพื่อนบ้านรองรับ AEC พร้อมหนุน ให้ความมั่นใจจะส่งเสริมโอกาสทาง ศก.แก่นักธุรกิจไทยใน ตปท. วันนี้ (27 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือกับนักธุรกิจไทยในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ ห้อง May Hall โรงแรมลาวพลาซา และถือโอกาสนี้กล่าวต่อนักธุรกิจไทย สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสพบปะกับนักธุรกิจไทยในวันนี้ โดยนักธุรกิจเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับ สปป.ลาว มิตรประเทศที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาเป็นเวลายาวนาน บนพื้นฐานของความร่วมมือกันด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม จารีตประเพณี และภาษาร่วมกัน การเดินทางเยือนสปป.ลาว มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและยกระดับการค้าการลงทุนให้มากขึ้น นายกรัฐมนตรีได้เน้นถึงการส่งเสริมการพึ่งพิงซึ่งกันและกันทางเศรษฐกิจ โดยสร้างความตระหนักถึงผลประโยชน์ร่วมกัน และผลักดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างเครือข่ายการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว การเชื่อมโยงของเส้นทางคมนาคม การปรับปรุงด่านการค้าชายแดน ระบบการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร รวมถึงความเชื่อมโยงด้านการเงิน การธนาคารและตลาดทุน เพื่ออำนวยความสะดวกในการดึงดูดการค้า การลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ในด้านการเชื่อมโยงในภูมิภาคและการพัฒนาโครงการพื้นฐาน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลไทยพร้อมสนุบสนุนให้ สปป.ลาว เป็น land link (จุดเชื่อมโยง) ถนน รถไฟ ยกระดับด่านชายแดน ด่านศุลกากร และสำหรับการก่อสร้างสะพานแห่งที่ 5 ออกแบบเกือบแล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเรื่องงบประมาณก่อสร้าง และพร้อมพิจารณาก่อสร้างสะพานมิตรภาพแห่งที่ 6 (จ.อุบลราชธานี-แขวงสาละวัน) ความร่วมมือด้านพลังงาน ไทยพร้อมสนับสนุนการซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว ตามเพดานเดิมที่ ได้มีการตกลง และสนับสนุนการซื้อขายไฟฟ้าจาก สปป.ลาวผ่านไทยไปมาเลเซียและสิงคโปร์ การส่งเสริมการลงทุน นายกรัฐมนตรีเสนอให้ BOI ร่วมมือกับหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน ปรับระเบียบของลาว เพื่อดึงดูดนักลงทุน การท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการจัดทำ Joint Package ด้านการท่องเที่ยว เห็นควรส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและวัฒนธรรม รวมทั้งช่วยกันประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีไทยด้วย ด้านความร่วมมือด้านแรงงาน นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ไทยต้องการขยายการนำเข้าแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับเข้ามาทำงานในพื้นที่ตอนในของประเทศไทย ในส่วนของแรงงานประเภทไปเช้า-กลับเย็น และตามฤดูกาลที่เข้ามาทำงานตามแนวชายแดน รัฐบาลต้องการปรับปรุงให้การเดินทางผ่านเข้า-ออกสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้บัตรผ่านแดน รัฐบาลจึงมีแนวคิดที่จะจัดทำบัตรผ่านแดนในลักษณะ Smart Card ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้เสนอให้ฝ่ายลาวตระหนักถึงประโยชน์ของบัตรผ่านแดนแบบ Smart Card และร่วมหารือกับฝ่ายไทยเพื่อจัดทำระบบ Smart card ซึ่งจะทำให้การเดินทางของทั้งสองฝ่ายสะดวกขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว รองรับการเปิดตลาดการค้าและเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนได้อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำแก่ภาคเอกชนไทยให้ความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์คณะสื่อมวลชนถึงผลการเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2557 ตามคำเชิญของนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความประทับใจต่อการต้อนรับอย่างอบอุ่น การเดินทางมาเยือนครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามความก้าวหน้าและสานต่อความร่วมมือด้านต่างๆโดยเฉพาะความเชื่อมโยงระหว่างกัน พร้อมเร่งผลักดันผลการพูดคุยในเวทีต่างๆ ทั้งอาเซม เอเปก และอาเซียน ให้มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับการส่งเสริมความเชื่อมโยงนั้น จะครอบคลุมการบริหารจัดการค่าผ่านแดน การศุลกากร การให้เงินกู้ยืมการสร้างสะพานแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-ปากซัน) และพร้อมพิจารณาโครงการสะพานแห่งที่ 6 (อุบลราชธานี-แขวงสาละหวัน) การสร้างถนนภายในประเทศและบริเวณแนวชายแดน เพื่อเพิ่มมิติการค้าการลงทุน เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร โดยรัฐบาลยังย้ำถึงความสำคัญในการจัดตั้งและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวบริเวณชายแดน รวมทั้งการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายหนองคาย เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟใน สปป.ลาว ที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนเช่นกัน นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการพบปะภาคเอกชนไทยใน สปป.ลาว ว่า ด้วยปริมาณและมูลค่าการค้าที่หนาแน่น อาจเปิดกำหนดเขตเศรษฐกิจด้านมุกดาหารอีกแห่งหนึ่ง เพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้แล้วที่จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ทราบว่า คนลาวชอบใช้สินค้าและอาหารการกินไทย เพราะมีคุณภาพดี ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวนั้นจะมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น มาใช้ประโยชน์ทั้งการให้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งการตรวจเข้าเมือง การขอวีซ่า การใช้บัตร smart card รวมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวร่วมกันในลักษณะ Joint Package รวมทั้งการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ไทยและ สปป.ลาว ในปีหน้า นายกรัฐมนตรียังย้ำถึงความสัมพันธ์ของไทยและสปป.ลาว ที่ใกล้ชิดมีความคล้ายคลึงกันทั้งภาษาและวัฒนธรรม มีความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษา ความร่วมมือตลาดทุนตลาดหลักทรัพย์ ไทยจะต้องร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประทศ โดยใช้ประโยชน์เชิงกายภาพ จากการที่ไทยเป็นศูนย์กลางภูมิรัฐศาสตร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้ไทยมีความเข้มแข็ง ลาวเข้มแข็ง เพื่อนบ้านเข้มแข็งและอาเซียนจะมีเข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหลักการนโยบายต่างประเทศ เน้นส่งเสริมความร่วมมือ ลดความหวาดระแวง สร้างความไว้วางใจ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในแต่ละประเทศ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเข้าเยี่ยมคารวะ พล.ท.จูมมาลี ไชยะสอน ประธานประเทศแห่ง สปป.ลาว ที่ได้สอบถามพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยินดีที่ทราบว่าทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง พร้อมถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประธานประเทศแห่ง สปป.ลาว กล่าวถึงความขัดแย้งในอดีตที่มีอยู่ทุกที่ทั่วโลก ขออย่าติดกับดักความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของไทย ไทยต้องไม่ขัดแย้งกับใคร ต้องไม่ขัดแย้งกันเอง ทุกคนต้องช่วยกันร่วมมือ ร่วมใจ ประเทศไทยเดินหน้าได้ หลังจากนั้น เวลา 13.30 น. นายกรัฐมนตรีและภริยาพร้อมคณะเดินทางออกจากท่าอากาศยานวัดไต โดยเครื่องบินพิเศษ RTAF 211 เพื่อเดินทางไปกรุงฮานอย ในโอกาสเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการ
Cr:http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000136892
|