ข่าวสารกลุ่มประเทศอาเซียน

"กัมพูชา" ดันเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หวังปั๊มรายได้5,000ล้านดอลล์ ในปี 2563

25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

"กัมพูชา" ดันเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หวังปั๊มรายได้5,000ล้านดอลล์ ในปี 2563

       การท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งอุตสาหกรรมที่รัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญ ด้วยศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากเวียดนาม จีน เกาหลีใต้ ลาว และไทย โดยรัฐบาลได้จัดทำแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ด้วยการกำหนดแผนปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยว (Tourism Action Plan)

       พนมเปญโพสต์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา กล่าวในที่ประชุมการท่องเที่ยวโลกและวัฒนธรรม ที่จัดขึ้นที่เสียมราฐ โดยองค์การการท่องเที่ยวโลกภายใต้สหประชาชาติ (UNWTO) และองค์การยูเนสโก (UNESCO) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาว่า ในปี 2557 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนกัมพูชา 4.5 ล้านคนเพิ่มขึ้นจากปี 2556 ถึง 5.9% คาดว่าปีนี้จะขยับเป็น 5 ล้านคน

       รายได้จากการท่องเที่ยวของกัมพูชาในปีที่แล้วมีมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนายฮุน เซน ได้คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2563





       นายฮุน เซน มองว่า การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวส่งผลดีต่อการสร้างรายได้ของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรมและร้านอาหาร โดยจากเดิมมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมดังกล่าว 600,000 ตำแหน่ง และเชื่อว่าจะปรับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 800,000 ตำแหน่งในอีก 5 ปีข้างหน้า

       "แต่ความท้าทายที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของตัวเลขยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะการขาดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังขาดแคลนบุคลากรที่มีประสบการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมโครงการเชื่อมโยงระหว่างการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม" ฮุน เซน กล่าวในระหว่างการประชุมข้างต้นพร้อมเสริมว่า ภาคการท่องเที่ยว การเกษตรการก่อสร้าง และภาคสิ่งทอ จะช่วยเศรษฐกิจกัมพูชาให้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 7% ในปีนี้ โดยปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 7.2%

       แม้รายได้จากการท่องเที่ยวจะแข็งแกร่งขึ้น แต่กัมพูชายังจำเป็นต้องมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมให้มากขึ้นด้วย ซึ่งนอกเหนือจากเทศกาลสงกรานต์ และการเฉลิมฉลองวันปีใหม่ที่เสียมราฐแล้ว กัมพูชายังมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมอีกมากมายที่ต้องใช้เวลาในการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติตัวอย่างเช่น เทศกาลน้ำ หรือบอนอมตุก (Bon Om Tuk) ที่ จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงประเพณีลอยกระทงของพระตะบอง ซึ่งจะจัดก่อนจังหวัดอื่นๆ ของประเทศประมาณ 2 เดือน

ด้านนางไอรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่แห่งองค์การยูเนสโก กล่าวถึงเป้าหมายในการประชุมครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวกัมพูชาให้เป็นในรูปแบบ "การขับเคลื่อนในเชิงบวก" ระหว่างวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่น่ากังวลใจ คือ การลักลอบค้าวัตถุโบราณ ซึ่งต้องเร่งปราบปรามเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับประเทศ

       นอกจากแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างมรดกโลก2 แห่ง คือ ปราสาทนครวัดและปราสาทพระวิหารแล้ว กัมพูชายังมีแนวชายฝั่งที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอ่าวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยชายหาดที่ทอดยาวเป็นระยะทาง 450 กิโลเมตร ที่ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จ.เกาะกง พระสีหนุ กัมโป๊ต และแก้บ

       การสนับสนุนให้นักลงทุนภาคเอกชนเข้าไปลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ การขนส่ง โรงแรม ร้านอาหาร การสื่อสารโทรคมนาคม พลังงาน และน้ำประปา รวมถึงการเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลกับจีนและญี่ปุ่น เพื่อจูงใจให้เข้าไปลงทุนในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการทำบันทึกความตกลง (MOU) กับสายการบินต่าง ๆ ให้มีการเพิ่มเที่ยวบิน และเปิดเที่ยวบินตรง (Direct Flights) ไปยังกัมพูชา ภายใต้นโยบายเปิดน่านฟ้าเสรีของอาเซียน ถือเป็นนโยบายที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามผลักดันให้เป็นรูปธรรม

       ยิ่งกว่านั้นกัมพูชายังเตรียมแผนการพัฒนาอย่างเร่งด่วนในด้านการปรับปรุงคุณภาพของภาคบริการการฝึกอบรมบุคลากรที่ทำงานในภาคการท่องเที่ยว การพัฒนาโรงแรมให้ได้มาตรฐาน และการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งนี้ อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญและชัดเจนของกัมพูชา คือ การพัฒนาภาคการท่องเที่ยวในประเทศให้เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นั่นหมายถึงการเติบโตของการท่องเที่ยวแบบก้าวกระโดด ข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยวของไทยระบุว่าประเทศ 5 อันดับแรกของอาเซียนที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในปี 2554 ได้แก่ มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และกัมพูชาตามลำดับ

       การขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่มีกำลังซื้อสูง และต้องการท่องเที่ยวนอกประเทศมากขึ้น ถือเป็นโอกาสของชาติสมาชิกอาเซียนที่จะเร่งพัฒนาเพื่อดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ แต่การแข่งขันในธุรกิจท่องเที่ยวที่นับวันยิ่งรุนแรงขึ้น หากชาติใดยังนิ่งเฉยกับการเปลี่ยนแปลงและไม่พยายามสร้างจุดขายใหม่ๆ ก็อาจก้าวถอยหลังสวนทางกับชาติอื่นได้

ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1423732892

(ลงข่าวโดย กลต./สมภพ)