ข่าวสารกลุ่มประเทศอาเซียน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เตรียมลงนามดัชนีตลาดหลักทรัพย์อาเซียน (FTSE/ASEAN) ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซียนในวันที่ 4 เม.ย. เพื่อเป็นดัชนีการลงทุนในหุ้น 30 ตัวเด่นของแต่ละประเทศ
3 เมษายน พ.ศ. 2557นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เตรียมลงนามดัชนีตลาดหลักทรัพย์อาเซียน (FTSE/ASEAN) ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซียนในวันที่ 4 เม.ย. เพื่อเป็นดัชนีการลงทุนในหุ้น 30 ตัวเด่นของแต่ละประเทศ
การลงนามดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ 7 แห่ง ใน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ ตลาดหุ้นไทย, เวียดนาม,ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยแต่ละตลาดจะเป็นผู้คัดเลือกหุ้นเข้ามา 30 ตัว ซึ่งในส่วนตลาดหุ้นไทยจะเน้นใน SET 50
สำหรับเวียดนามเป็นประเทศเดียวที่แบ่งตลาดหลักทรัพย์ออกเป็น 2 แห่งคือ ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์และตลาดหลักทรัพย์ฮานอย ซึ่งที่ฮานอยนับเป็นตลาดที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตลาดพันธบัตรของรัฐบาลเวียดนามทำให้ต้นทุนทางการเงินของรัฐลดต่ำลง 1-2% เมื่อเปรียบเทียบกับการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ทั่วไป
"นับเป็นครั้งแรกที่มีดัชนีร่วมกัน และเป็นการประชาสัมพันธ์ รายงานข้อมูลเชิงลึกดัชนีฟุตซี่อาเซียนร่วมกัน เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนในและนอกกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะสถาบันจากทั่วโลก" นายจรัมพร กล่าว
ตลาดหลักทรัพย์อาเซียนจะมีการประชุมร่วมกันทุก 3 เดือน เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นไทยประสบความสำเร็จในการเป็น ASEAN Trading Link หรือการเชื่อมโยงกระดานซื้อขายหลักทรัพย์อาเซียน ระหว่างตลาดหลักทรัพย์ไทย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์(โบรกฯ)ต่างๆ และในอนาคตตลาดหลักทรัพย์เวียดนามอยู่ระหว่างการทำแผน ปรับหลักเกณฑ์ในประเทศ เพื่อที่จะได้เข้าสู่ ASEAN Trading Link ร่วมกัน
นายจรัมพร กล่าวว่า ตลาดทุนไทยในภาวะปัจจุบันประสบปัญหาการเมืองกระทบต่อจีดีพีและการลงทุน ราคาหุ้นลดต่ำลง ในช่วงนี้ถือว่าเป็นต้นทุนต่ำเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะเข้ามาทยอยสะสมเพื่อการลงทุน เพราะหากย้อนกลับไป วิกกฤติการเมือง 3 ครั้งพบว่า หลังสถานการณ์คลี่คลาย ตลาดจะกลับมาฟื้นตัวสู่จุดเดิมในระยะ 3,5 และ 13 เดือน
อนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฮานอย ประเทศเวียดนาม มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 900 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าตลาดรวม(มาร์เก็ตแคป) 1.9 แสนล้านบาท PE ที่ 19 เท่า ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยนต่อวัน 2,600 ล้านบาท มาร์เก็ตแคป 1.5 ล้านล้านบาท PE 13 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นไทย มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 30,000 ล้านบาท มาร์เก็ตแคป 12 ล้านล้านบาท PE 12 เท่า
ในแง่จำนวนบัญชี ตลาดหลักทรัพย์ไทยอยู่ที่ 9.7 แสนบัญชี ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 1.2 ล้านบัญชี
ด้านนายเหงียน วัน ซุง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลาดหลักทรัพย์ฮานอย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดเวียดนามมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 40% ของจีดีพี แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ฮานอย 17-18% ที่เหลือคือตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฮานอยถือว่าประสบความสำเร็จใรการดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตร ได้ถึง 80 % หรือมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ทำให้เกิดผลดีต่อต้นทุนของภาครัฐ ที่เดิมมีต้นทุนนอกงบประมาณประมาณ 1% ของอัตราดอกเบี้ย แต่พอมีการเทรดในตลาด ทำให้ต้นทุนลดลง 1-2 %
ส่วนแผนในอนาคตจะมีการดึงนักลงทุนเข้ามาให้มากขึ้น เช่น การใช้ตลาดอนุพันธ์ เข้ามาเพิ่มสัดส่วนนักลงทุน โดยดูต้นแบบของตลาดหลักทรัพย์ของไทย ปรับใช้ให้เหมาะสมกับตลาดของฮานอย ขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์เวียดนามมีความสนใจเข้าร่วม Asian Link ซึ่งปัจจุบันมีตลาดหลักทรัพย์ไทย มาเลเชีย สิงคโปร์ เป็นสมาชิก แต่ขณะนี้ยังติดปัญหาเรื่องการปฏิบัติด้านกฎระเบียบภาครวม เช่น เรื่องสกุลเงินด่องของเวียดนามที่ยังไม่เป็นสากล
http://www.ryt9.com/s/iq05/1868076
หมวดของข่าว : ลงทุนต่างประเทศ , ลงทุนอาเซียน , ข้อมูลการลงทุน